website.blog_kn3 | Quick POS - โปรแกรมขายหน้าร้าน ใช้ง่าย ราคาประหยัด

  4 วิธีจัดเรียงสินค้า ให้ลูกค้าหยิบซื้อได้ง่ายๆ


การจัดเรียงสินค้า มีความสำคัญต่อร้านค้าปลีกเป็นอย่างมาก เพราะมันมีผลต่อความสะดวกสบายของลูกค้า
ที่จะหยิบจับสินค้าจากชั้นวาง รวมถึงความเพลินเพลินกับการช็อปปิ้งที่ร้านของคุณ
ถ้าคุณจัดสรรปันส่วนในทุกพื้นที่ของร้านและชั้นวางสินค้าให้มีประโยชน์มากที่สุดจะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

Odoo • A picture with a caption

หลาย ๆ คนเปิดร้านค้าปลีกขึ้นมา แต่ไม่ทราบถึงวิธีการจัดเรียงสินค้าในร้าน ว่าควรวางไว้ตำแหน่งไหน บ้างก็วางสะเปะสะปะ บ้างก็วางตามใจฉันพอลูกค้าเดินเข้ามาซื้อแล้วหาสินค้าไม่เจอ เขาก็เดินออก… ถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ต้องการลองมาอ่านเรื่องราวดี ๆ ที่เรานำมาแบ่งกันให้คุณ

การจัดเรียงสินค้า มีความสำคัญต่อร้านค้าปลีกเป็นอย่างมาก เพราะมันมีผลต่อความสะดวกสบายของลูกค้าที่จะหยิบจับสินค้าจากชั้นวาง รวมถึงความเพลินเพลินกับการช็อปปิ้งที่ร้านของคุณ ถ้าคุณจัดสรรปันส่วนในทุกพื้นที่ของร้านและชั้นวางสินค้าให้มีประโยชน์มากที่สุดจะช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

1. เรียงสินค้าให้มองเห็นได้ง่าย 

สินค้าจะมองเห็นได้ง่ายก็ต่อเมื่อมันถึงวางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

  • จัดเรียงสินค้าขายดีให้อยู่ระดับสายตาของลูกค้า

เพื่อที่จะทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นแล้วสะดุดตา

  • ใช้ชั้นสินค้า

​​​​​​​ที่เสริมความโดดเด่นของสินค้าของคุณ โดยชั้นวางสินค้านั้นจะต้องมีดีไซน์และลักษณะที่เข้ากับตัวสินค้า อย่างเช่น ถ้าสินค้าของคุณเป็นไม้กวาด , ไม้ถูพื้น คุณก็ควรหาชั้นวางที่มีดีเทลสามารถแขวนสินค้าได้ เป็นต้นไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกประเภทไหน ก็ควรมีเชลฟ์ที่โชว์สินค้าได้เหมาะสมสวยงามเข้ากันกับสินค้าตัวนั้น ซึ่งการออกแบบร้านค้าปลีกที่ดีต้องอาศัยการเลือกชั้นวางที่ถูกประเภท ร้านค้าปลีกนั้น ๆ จึงจะสมบูรณ์แบบมากที่สุด​​​​​​​

  • แบ่งโซนสินค้าให้ชัดเจน

​​​​​​​ว่าแต่ละโซนเป็นสินค้าประเภทไหน ถ้าจะให้ดีควรมีป้ายบอกในแต่ละโซนด้วย เพื่อความสะดวกในการหาสินค้าของลูกค้า ยิ่งสะดวกมากเท่าไหร่ พวกเขาจะยิ่งเพลิดเพลินในการซื้อหาที่ร้านของคุณมากเท่านั้นนะคะ

2. เรียงสินค้าให้สัมพันธ์กัน

วิธีการนี้จะช่วยให้ลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายมากขึ้น และมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าในร้านของเราขึ้นไปทีละหลายชิ้นอีกด้วย เวลาที่ไปสะดวกซื้อต่างยิ่งเราหาสินค้าที่ชอบเจอ สายตาจะมองเห็นสินค้าที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งมีความน่าสนใจจนต้องหยิบเข้าตะกร้าอีกเช่นกัน นี่คือผลของการจัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น 

  • การวางแชมพูไว้ข้าง ๆ กับครีมนวดผม, ทรีตเม้นท์ผม, หมวกคลุมผมอาบน้ำ, สเปรย์จัดแต่งทรงผม, รวมถึงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม 

  • การวางหมอนไว้ข้าง ๆ กับตุ๊กตา ผ้าห่ม, ชุดนอน, รองเท้าสลิปเปอร์ 

  • การวางอุปกรณ์ทำครัวไว้ใกล้ ๆ กับกล่องข้าว, ปิ่นโต, ช้อนส้อม

3. เรียงสินค้าให้สมดุล

สมดุลในที่นี้หมายถึงการที่วางของที่มีน้ำหนักมากไว้ด้านล่าง ส่วนของที่เบาวางไว้ด้านบน ช่วยป้องกันของที่มีน้ำหนักมากตกหล่นลงมา 

ตัวอย่างเช่น
ถุงข้าวสาร, น้ำดื่มขวดใหญ่, ผงซักฟอกถุงใหญ่ หรือสินค้าที่เป็นแพ็คให้วางเรียงที่ด้านล่าง ส่วนสินค้าที่เป็นขนมนมเนยชิ้นเล็ก ๆ ก็วางไว้ด้านบน ซึ่งควรเรียงขึ้นไปตามลำดับของน้ำหนักสินค้า

4. เรียงสินค้าให้น่ามอง 

การจัดเรียงสินค้าให้น่ามองก็คือ คุณต้องเรียงสินค้าให้เป็นระเบียบและเป็นสัดส่วน มีช่องวางที่พอเหมาะ มันจะทำให้สินค้าน่ามองมากยิ่งขึ้น บนชั้นวางจะต้องมีสินค้าเต็มชั้นโชว์ตลอดเวลา ควรสำรวจและตรวจเช็ค รวมถึงมีการจัดชั้นวางสินค้าบ่อย ๆ เมื่อสินค้าพร่องหรือมีช่องโหว่ คุณก็ควรหมั่นเติมสินค้าอยู่เสมอ อีกเรื่องหนึ่งคือการประดับตกแต่ง 

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ชอบของสวย ๆ งาม ๆ นอกจากสินค้าบนชั้นวางแล้ว ถ้าคุณสามารถประดับตกแต่งให้บริเวณให้มีความสวยงามแล้วด้วยนั้น จะเพิ่มความน่าดึงดูดให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ขอแนะนำการตกแต่งชั้นวางสินค้าให้ดูน่าซื้อกว่าเดิมให้คุณได้นำไปเป็นไอเดียสร้างสรรค์ร้านค้าของคุณ

  • ติดป้ายราคาในสินค้าทุกชิ้น

การมีป้ายราคา จะช่วยให้ผู้บริโภคอยู่กับสินค้าได้นานขึ้น เพราะเวลาเขาจะซื้ออะไรสักอย่าง จะต้องมีการเปรียบเทียบราคากัน ระหว่างยี่ห้อหรือแบรนด์ต่าง ๆ มีผลอย่างมาต่อการซื้อสินค้า 

  • ติดป้ายโฆษณา, ป้าย Sale, ป้ายสินค้าแนะนำ 

ป้ายต่าง ๆ เหล่านี้มีความสะดุดตา จึงจะช่วยให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหยุดมอง เมื่อเขาหยุดแล้ว… มีหรือที่เขาจะไม่หยิบสินค้านั้น ๆ ขึ้นมาดู ตัวอย่างการติดป้ายต่าง ๆ บนเชลฟ์